การประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต: เกราะป้องกันความเชื่อมั่นองค์กรในโลกยุคใหม่
อัพเดทล่าสุด: 22 พ.ค. 2025
105 ผู้เข้าชม
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลเวียนรวดเร็วและไร้พรมแดน วิกฤตการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ความผิดพลาดในการดำเนินงาน หรือแม้แต่ข่าวลือ ก็สามารถแพร่กระจายและส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือขององค์กรได้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว การประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต (PR in Crisis) จึงไม่ใช่แค่การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่เป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องและรักษาภาพลักษณ์ของทั้งบริษัทเอกชนและหน่วยงานราชการให้คงอยู่และแข็งแกร่ง
ปัญหาที่พบบ่อยในการบริหารวิกฤตด้านการสื่อสาร:
ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐมักเผชิญกับปัญหาคล้ายกันเมื่อเกิดวิกฤต:- ขาดแผนรับมือที่ชัดเจน: หลายองค์กรไม่มีแผนการสื่อสารวิกฤตที่ได้ซ้อมไว้ล่วงหน้า ทำให้เกิดความโกลาหล สับสน และล่าช้าในการตอบสนองเมื่อวิกฤตเกิดขึ้นจริง
- การสื่อสารที่ล่าช้าและไม่สอดคล้องกัน: การตอบสนองที่ช้าเกินไป หรือข้อมูลที่ออกมาขัดแย้งกันจากหลายแหล่งภายในองค์กร ทำให้สาธารณชนขาดความเชื่อมั่นและเกิดการตีความไปในทางลบ
- การสื่อสารที่ขาดความโปร่งใสและจริงใจ: การพยายามปกปิดข้อมูล บิดเบือนความจริง หรือแสดงท่าทีไม่รับผิดชอบ มักจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง และทำลายความไว้วางใจในระยะยาว
- ขาดทักษะและประสบการณ์ของบุคลากร: ผู้ที่รับผิดชอบการสื่อสารวิกฤตอาจขาดทักษะในการสื่อสารภายใต้ความกดดัน การให้สัมภาษณ์สื่อ หรือการจัดการกับอารมณ์ของสาธารณะ
- มองข้ามพลังของสื่อสังคมออนไลน์: การไม่ติดตาม หรือไม่ตอบสนองต่อกระแสบนโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็วและเหมาะสม ทำให้ข่าวลือและความเข้าใจผิดแพร่กระจายได้ง่าย
ทางออกและแนวทางการบริหารวิกฤตอย่างมืออาชีพ:
การรับมือกับวิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพต้องการการเตรียมพร้อมและกลยุทธ์ที่รอบด้าน:
1. สร้างและซ้อมแผนการสื่อสารวิกฤต:ระบุทีมรับมือวิกฤต:
- แต่งตั้งทีมงานหลักและกำหนดบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนให้ชัดเจน
- เตรียมข้อความหลัก (Key Messages): ร่างข้อความสำคัญที่จะใช้สื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ล่วงหน้า โดยเน้นความจริงใจ ความรับผิดชอบ และแนวทางแก้ไข
- จำลองสถานการณ์และซ้อมแผน: จัดการฝึกซ้อมสถานการณ์วิกฤตจำลอง เพื่อให้ทีมงานคุ้นเคยกับบทบาทและกระบวนการ
2.สื่อสารอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และสม่ำเสมอ:
- ตอบสนองทันที: เมื่อเกิดวิกฤต ควรออกแถลงการณ์เบื้องต้นให้เร็วที่สุด (ภายใน 1-2 ชั่วโมงแรก) เพื่อแสดงว่าองค์กรทราบถึงปัญหาและกำลังดำเนินการ
- ช่องทางเดียว: กำหนด "โฆษก" หลักเพียงคนเดียว เพื่อให้ข้อมูลที่สอดคล้องกันและเป็นทางการความจริงใจสำคัญสุด:
- สื่อสารด้วยความจริงใจ ยอมรับผิด (หากจำเป็น) และแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ
- อัปเดตข้อมูลเป็นระยะ: ให้ข้อมูลความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความวิตกกังวลและข่าวลือ
3.ใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้เป็นประโยชน์:
- ติดตามและรับฟัง: ใช้เครื่องมือ Social Listening เพื่อเฝ้าระวังกระแสความคิดเห็นและข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับองค์
- ตอบสนองอย่างรวดเร็วและเหมาะสม: ตอบคำถาม ข้อสงสัย หรือแก้ไขความเข้าใจผิดบนโซเชียลมีเดียอย่างสุภาพและเป็นมืออาชีพ
- ใช้เป็นช่องทางหลัก: ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นทางการ
4. ลงทุนในการพัฒนาบุคลากร:
- ฝึกอบรมทักษะการสื่อสารวิกฤต: จัดอบรมให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องมีความรู้และทักษะในการรับมือกับสถานการณ์กดดัน การให้สัมภาษณ์ และการจัดการกับสื่อ
- สร้างความเข้าใจเรื่องกฎหมายและจรรยาบรรณ: ให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร และการปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ
หลักสูตรแนะนำ: " การประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต กลยุทธ์รับมือและฟื้นฟูองค์กร Corporate PR Crisis Management เนื้อหาหลักสูตรอย่างละเอียด คลิกที่ลิงค์นี้ https://www.akdsolution.com/6804prcrisis (รูปแบบ inhouse training)
บทความที่เกี่ยวข้อง
อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและอุบัติเหตุ มาเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตขององค์กรคุณ เริ่มต้นสร้างความมั่นคงและความอุ่นใจให้กับทีมงานของคุณได้แล้ววันนี้ ด้วยประกันภัยกลุ่มสำหรับ SME
14 พ.ค. 2025
การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ข่าวสารของคุณได้รับการเผยแพร่ สร้างการรับรู้ และส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ขององค์กร
13 พ.ค. 2025
นี่คือไอเดียก่อนตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นไม่ว่าจะตลาดไทย หรือตลาดต่างประเทศ เพื่อลดการติดหุ้น หรือผิดพลาดสูญเงินไปกับหุ้นคุณภาพแย่
11 พ.ค. 2025